รอบรั้วรุ่งอรุณ,  โรงเรียนประถม,  โรงเรียนรุ่งอรุณ

รักษาจิตด้วยปัญญาและสันโดษ โดยพระศากยวงศ์วิสุทธิ์

เช้าวันนี้ (๓๐ ม.ค. ๖๑) พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ (อนิลมาน ธมฺมสากิโย) ซึ่งเป็นผู้จัดทำการ์ตูนแอนิเมชันและหนังสือการ์ตูนเรื่อง “เมืองนิรมิตแห่งจิตตนคร” พระนิพนธ์ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ เมตตามาสนทนาธรรมเรื่องจิตตนครกับคณะครู ผู้ปกครอง และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔-๖ ณ โถงชั้นล่าง อาคารประภัสสร โรงเรียนรุ่งอรุณ

พระอาจารย์ศากยวงศ์วิสุทธิ์เปรียบเทียบจิตของคนเราเหมือนกับบ้านหลังหนึ่งที่ต้องมีเกราะป้องกันคนที่อาศัยอยู่ในบ้านให้อยู่รอดปลอดภัย ถ้าเกราะป้องกันของบ้านคือรั้ว กำแพง หลังคา ประตู หน้าต่าง แล้วเกราะป้องกันของจิตล่ะคืออะไร

“ประตูหน้าต่างของจิตคืออะไร คือ ตา หู จมูก ปาก เวลาเราเปิดตาเหมือนเปิดหน้าต่าง อะไรๆ เราก็มองเห็น อะไรๆ ก็เข้ามาหมด ทำให้พวกเรานั้นเริ่มที่จะมีความคิด มีความรู้สึก มีความชอบ ไม่ชอบ บางคนเราเห็นเขาใส่เสื้อสีหนึ่งเข้ามา ทำไมใส่เสื้อสีแบบนั้น ไม่เห็นสวยเลย ไม่เห็นน่ารักเลย ก็เรื่องของเขา เราไปยุ่งอะไรกับเขา ทำไมเขาทรงผมอย่างนั้น ทำไมผมยาว ทำไมผมรุงรัง ก็หัวเขา ไม่ใช่หัวเราสักหน่อย แต่เราชอบไปยุ่ง เพราะว่าหน้าต่างของเราเปิดอยู่ บางครั้งเขาซุบซิบอะไรไม่รู้ หูเรายาวไปได้ยินอีก บางทีจมูกเราก็ยาว ไปหาเรื่องคนอื่น เพราะฉะนั้นหูเราไม่ควรจะยาว จมูกก็อย่าไปยาว ปากก็อย่าไปกว้างมาก เราชอบนินทา วิพากษ์วิจารณ์ ด่าว่า เพราะฉะนั้นประตูตรงปากต้องรู้จักปิดบ้าง ถ้าไม่รู้จักปิด แสดงว่าเราเอาทุกสิ่งทุกอย่างทั้งดีทั้งไม่ดีเข้ามา แล้วเจ้าของบ้านจะอยู่สบายไหม ก็อยู่ไม่สบาย”

เช่นเดียวกับบ้าน พระอาจารย์ชวนเด็กๆ คิดต่อว่า ถ้าจิตของเราเปรียบเหมือนเมืองเมืองหนึ่งที่เรียกว่าคนหรือมนุษย์ แล้วเราเป็นพระราชาของเมือง เราจะดูแลเมืองนั้นอย่างไรให้มีความเจริญ ให้คนที่อยู่ในเมืองมีความสุข สงบ

“เวลาเราอยากได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ เราต้องใช้ปัญญาคือความรู้ไปแก้ไข แต่บางครั้งความรู้อย่างเดียวไม่พอ ต้องใช้พลังของสันโดษ สันโดษทำให้เรารู้จักพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว สมมติว่าเรามีของเล่นอยู่แล้ว แล้วก็อยากได้ของเล่นเพิ่มเติม มีตัวชั่วร้ายมาบอกให้เราขอพ่อแม่ ขอโน่นขอนี่ แต่ถ้าเรารู้จักคิด เล่นไปสักพักเราก็เบื่อแล้ว เพราะฉะนั้นจะซื้อทำไม เราเล่นของที่มีอยู่ก็พอแล้ว นั่นคือเจ้าสันโดษมาทำลายความโลภ เพราะฉะนั้นบางครั้งเราต้องใช้ความรู้ คือรู้ว่าสิ่งนั้นมีประโยชน์มากน้อยขนาดไหน ถ้าเรารู้ตรงนั้นได้ เราสามารถใช้สันโดษก็คือพอใจในสิ่งที่มี ถ้าเราพอใจเราจะมีความสุข ถ้าเราไม่พอใจ อยากได้สิ่งโน้นสิ่งนี้ ใจเราก็ไม่สงบ ทุกข์ ถ้าพ่อแม่ถามว่าจะเอาอันนี้ไหม เราบอกแล้วแต่ ได้ก็ดี ไม่มีก็ไม่ทุกข์ร้อน อย่างนี้เรียกว่าใช้ปัญญาและสันโดษ นี่คือวิธีการป้องกันเมือง

“เมืองเมืองนี้เราเป็นคนสร้าง เรียกว่าจิต จิตนี้เมื่อเราสร้างแล้วเราต้องรักษา เพราะว่ามีตัวชั่วร้ายที่เรียกว่ากิเลส เรียกว่าโลภ โกรธ หลง เรียกว่าสมุทัย เรียกว่ากายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต มาป่วนอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเราจะต้องป้องกันเมืองเมืองนี้ คือต้องรู้จักปิดตา ปิดหู ปิดจมูก ปิดปาก เป็นครั้งคราว แล้วต้องใช้ปัญญาและสันโดษขับไล่สิ่งที่ไม่ดีออกไป เราก็สามารถรักษาเมืองนั้นได้ คือรักษาจิตของเราไว้ได้

“พยายามรักษาจิตของเราไว้ให้ดี เหมือนกับเรารักษาบ้าน รักษาห้องของเรา รักษาโรงเรียนของเรา จากสิ่งไม่ดีต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เราต้องรักษาจิตของเราให้รอดพ้นจากสิ่งไม่ดีต่างๆ เมื่อนั้นล่ะเราเป็นเป็นดี เมื่อนั้นชีวิตเราจะมีแต่ความสุข”