บันทึกรุ่งอรุณ,  โรงเรียนรุ่งอรุณ,  โรงเรียนอนุบาล

KMรุ่งอรุณ : รอหน่อยนะ หนูกำลังพยายาม

เรื่อง : ครูปาญิกา  ปลั่งกลาง (ครูเป๊ก)
ครูพละ โรงเรียนรุ่งอรุณ

ถึงเป๊กเพื่อนรัก

วันนี้เป็นวันที่อากาศสดใส และที่สำคัญหัวใจของฉันก็ยังเบิกบานด้วยนะ ฉันจึงอยากเขียนถึงเรื่องที่ทำให้หัวใจของฉันเบิกบานมาให้เธอได้อ่านบ้าง เผื่อว่าจะได้เบิกบานไปด้วยกัน เรื่องเกิดขึ้นเมื่อตอนช่วงบ่ายวันหนึ่ง ฉันสอนมวยไทยเด็กอนุบาล ๓ ฉันก็ดำเนินกิจกรรมทุกอย่างไปตามปกติและตามลำดับขั้นตอน ตั้งแต่รวมแถว รวมใจสร้างความพร้อมก่อนสวดมนต์บูชาครู เมื่อทุกอย่างพร้อมเราก็พาเด็กๆ อนุบาลเข้าสู่กิจกรรมที่เตรียมเอาไว้ เราต้องเน้นคำว่าเตรียมเอาไว้ เพราะกำลังจะมีบทเรียนดีๆ ของการเป็นครูเกิดขึ้น เธอคงอยากรู้แล้วสินะว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อทุกอย่างดูเหมือนมีความเป็นปกติ เตรียมการไว้ล่วงหน้าทุกอย่าง

กิจกรรมที่ฉันเตรียมไว้คือ การไต่สะพานเชือก ๒ เส้นข้างริมบึง โดยเริ่มที่เด็กๆ แต่ละคนต่อแถว ค่อยๆ ปีนขึ้นบนต้นไทร แล้วค่อยๆ หาจังหวะยืนทรงตัว และเอื้อมมือไปเกาะเชือกเพื่อไต่ สักครู่ฉันสังเกตเห็นเด็กคนหนึ่งตัวเล็กๆ ดูท่าทางใช้ความพยายามมากๆ หน้าตาดูมุ่งมั่นจริงจัง แต่ด้วยตัวเขาเล็ก จึงเอื้อมไปจับกิ่งไม้ไม่ค่อยถึงสักเท่าไร ฉันมีความกังวล ก็เลยตัดสินใจขึ้นไปบนต้นไม้ แล้วเอื้อมไปจะช่วยพยุงเขา ทันใดนั้นเสียงจากเด็กที่เราพยายามจะช่วยก็ลอยมาว่า “ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ค่อยๆ หาที่ที่เหมาะๆ สำหรับตัวเองอยู่ครับ”

เราก็รับฟัง แต่ยังไม่ลึกซึ้งเท่าไรนัก ก็เลยรับทราบว่า “อ้อ เหรอคะ” แต่สายตาเราก็ยังไม่ห่างจากเขา ยังมองต่อไป (เริ่มกังวลโดยไม่รู้ตัวแล้วสิเรา เพราะไม่ได้อยู่ในแผนที่เตรียมไว้) แล้วเด็กคนนั้นก็ค่อยๆ ขึ้นไปยืนบนเชือก ค่อยๆ เอื้อมมือไปเกาะเชือกเพื่อขึ้นยืน แต่ขณะที่เขาพยายามที่จะเกาะเชือก ด้วยว่าตัวเขาเล็ก จึงค่อยๆ ทำ เรากลับกังวลหนัก ก็เลยเข้าไปหาแล้วบอกเขาว่า “เอามือมาเกาะกิ่งไม้ตรงนี้ก่อนสิ” ทันใดนั้นเสียงของเด็กคนนี้ก็ให้สติกับเราในทันทีว่า “เอ่อ ครูเป๊กครับ ครูไม่ต้องช่วยผมครับ” เราเองยังไม่เข้าใจอยู่ดี เลยถามกลับไปว่า “เพราะอะไรเหรอคะ” เขาก็ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรารับรู้ได้ทันทีว่าเขามั่นใจต่อสิ่งที่เขากำลังทำว่า “ผมรู้สึกว่ามันดูวุ่นวาย”

เท่านั้นล่ะเพื่อนรัก หากเราไม่เคยพบครูบาอาจารย์มาก่อน ไม่เคยได้ปฏิบัติธรรมมาบ้าง เราก็คงต้องโกรธเด็กคนนี้ทันทีที่บังอาจมาตำหนิเรา แต่กลับกัน ฉันกลับรู้สึกตัวในทันทีว่าเราเร็วเกินไป ไปประเมินว่าที่เขากำลังพยายามอยู่นั้นคือการทำไม่ได้ เราตัดสินเขาไปแล้ว ทันใดนั้นฉันก็เบิกบานขึ้นมา พร้อมกับเสียงหัวเราะของตัวเอง แล้วตอบกลับไปว่า “อ่อเหรอ ครูขอโทษค่ะ” แล้วก็เงียบเพื่อให้นักเรียนที่เป็นครูเราภายในเวลาเดียวกัน ได้นำทักษะและความรู้ที่เขาสะสมจากกิจกรรมที่เราพาเขาทำมาตั้งแต่ต้นมาปรับใช้ด้วยตัวเขาเองจริงๆ

ครูเป๊กขอบคุณมากค่ะที่ช่วยเตือนสติให้ครูได้ทำหน้าที่ของครูได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ไม่ใช่ทำหน้าที่แค่ผู้สอน จนไม่ยอมวางใจปล่อยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และเผชิญปัญหาด้วยตัวเอง