พิธีไหว้ครูภูมิปัญญาไทย มวยไทย กระบี่กระบอง ปีการศึกษา ๒๕๖๕
“คนที่ฟังเป็น คิดเป็น พูดเป็น แก้ปัญหาเป็น แล้วก็รู้วัฒนธรรมไทยอย่างถ่องแท้ พร้อมที่จะก้าวไปสู่สังคมโลกอย่างสง่างาม เขาเรียกว่าคนเป็นมวย”
อาจารย์วิชิต ชี้เชิญ ครูผู้วางรากฐานหลักสูตรมวยไทย กระบี่กระบอง โรงเรียนรุ่งอรุณ กล่าวในพิธีไหว้ครูภูมิปัญญาไทย มวยไทย กระบี่กระบอง ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๕ ที่จัดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ที่ผ่านมา ณ โรงยิมไม้ไผ่ โรงเรียนรุ่งอรุณ
พิธีไหว้ครูภูมิปัญญาไทย มวยไทย กระบี่กระบอง เป็นงานประเพณีที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงปลายปีการศึกษา เพื่อให้เด็กๆ วิชาภูมิปัญญาไทยชั้นอนุบาล ๓ และชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ แสดงความเคารพนอบน้อมและกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ ผู้มีพระคุณ และครูอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประศาสตร์วิชา ทั้งยังเป็นพิธีจบการศึกษาในระดับชั้นอนุบาลและชั้นประถมต้น บ่งบอกถึงการเติบโตของเด็กๆ ที่พร้อมตั้งต้นเปลี่ยนผ่านสู่การเรียนรู้ในช่วงชั้นต่อไป
อาจารย์วิชิต ชี้เชิญ ครูผู้ประกอบพิธีในครั้งนี้ กล่าวกับคุณพ่อคุณแม่ที่มาร่วมในพิธีว่า ความเป็นมวยที่โรงเรียนรุ่งอรุณมุ่งสร้างให้กับเด็กๆ ไม่ใช่เรื่องของการต่อสู้กับใคร แต่เป็นการต่อสู้ภายในใจของตนเองเมื่อเผชิญกับอุปสรรคที่เข้ามาท้าทายให้เด็กๆ ต้องคิดแก้ปัญหา พยายามเอาชนะอุปสรรค จนพาตัวเองก้าวข้ามไปได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดความภาคภูมิใจและมองเห็นคุณค่าของความเพียรพยายาม อันเป็นพื้นฐานสำคัญในการดำรงชีวิตของเด็กๆ ต่อไป
จากนั้นเป็นพิธีเจิมหน้าผากและสวมมงคล เด็กๆ นำดอกไม้ ธูป เทียน มากราบแสดงความเคารพและบูชาครู ก่อนที่ครูจะเจิมหน้าผากให้เด็กๆ ส่งกำลังใจและอำนวยอวยพรให้เด็กๆ เติบโตอย่างสง่างาม จากนั้นคุณพ่อคุณแม่สวมมงคลที่ถักจากเสื้อผ้าของคุณพ่อคุณแม่เองให้กับลูก เป็นมงคลที่ถักด้วยความรัก ความห่วงใย และความปรารถนาดี อันเป็นสายสัมพันธ์ที่อบอุ่นของพ่อแม่ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างลูกในทุกการเติบโต ก่อนจบพิธีเด็กๆ รวมจิตรวมใจแสดงความเคารพ ระลึกนึกถึงคุณพ่อแม่ ครูอาจารย์ และผู้มีพระคุณ โดยเด็กๆ ชั้นอนุบาล ๓ รำไหว้ครูมวยไทย หรือขึ้นพรหมมวยไทย และเด็กๆ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ขึ้นพรหมรำดาบสองมือตามลำดับ
ครูสุวรรณา ชีวพฤกษ์ ผู้บริหารโรงเรียนรุ่งอรุณ ประธานในพิธี กล่าวชื่นชมความตั้งใจของเด็กๆ และคุณครู ชวนมองถึงการเรียนรู้และคุณค่าที่ซ่อนอยู่ในพิธีกรรม ซึ่งกว่าที่เด็กๆ จะสามารถขึ้นพรหมมวยไทยและขึ้นพรหมรำดาบสองมือได้นั้นต้องใช้เวลาและความทุ่มเทในการฝึกซ้อม จิตใจจึงต้องเข้มแข็ง อีกทั้งการขึ้นพรหมมวยไทยและขึ้นพรหมรำดาบสองมือยังแสดงให้เห็นถึงการใช้ร่างกายของเด็กๆ ที่ทะมัดทะแมงขึ้นเรื่อยๆ ตามช่วงวัย ทั้งหมดนี้เป็นการเรียนรู้อย่างเป็นองค์รวมที่เริ่มต้นมาจากใจของเด็กๆ และครู เป็นการเรียนรู้ที่จะนำไปถึงซึ่งปัญญา
“เมื่อเราทำเรื่องนี้ให้เป็นการเรียนรู้ ไม่ใช่แค่เล่นมวยไทย คุณค่าและความหมายอยู่ที่ทุกคนได้เรียนรู้ เด็กๆ ของเราแสดงให้เห็นแล้วว่าการเรียนรู้ที่สำคัญมาด้วยกันอย่างเป็นองค์รวม เริ่มต้นที่ฐานกาย ปะทะเข้าไปที่จิตใจอันเข้มแข็ง แล้วจึงนำสู่สติปัญญา คือคุณค่าและความหมายของความเป็นมวย” คุณครูสุวรรณากล่าว